ประกันภัยภาคบังคับ / ประกันภัย พ.ร.บ.

30/6/2566 14:59:48น. 4983
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535

ประกันภัยภาคบังคับ / ประกันภัย พ.ร.บ.

 

บทความกฎหมายเรื่องใกล้ตัววันนี้ขอนำเสนอเรื่อง ประกันภัยภาคบังคับหรือที่ทั่วไปเรียกว่า “ประกันภัย พ.ร.บ.ซึ่งหมายถึง การที่เจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์มีหน้าที่ต้องทำประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 โดยกฎหมายดังกล่าวนั้นมีสาระสำคัญที่เจ้าของรถพึงทำความเข้าใจ เพราะหลายท่านไม่ทำประกันเพราะคิดว่ารถของตัวเองไม่ได้ต่อภาษีประจำปี เป็นรถเก่า หรือคิดว่าไม่สำคัญปล่อยให้ประกันภัยขาดไปบ้าง ผู้เขียนจึงอยากนำสาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าวมาเล่าสู่กันฟังในรูปแบบการถามต่อบ เพื่อการทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น ดังนี้

 

ทำไมต้องบังคับให้ทำประกันภัย พ.ร.บ. ?

คำตอบ : การบังคับให้เจ้าของรถต้องทำประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการประสบภัยจากรถ โดยจะได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงทีกรณีบาดเจ็บ และมีเงินช่วยเป็นค่าปลงศพกรณีเสียชีวิต และเป็นหลักประกันให้แก่สถานพยาบาลว่าจะได้รับค่ารักษาพยาบาลในการรักษาพยาบาลผู้ประสบภัยจากรถ ที่สำคัญจะช่วยลดภาระค่าสินไหมทดแทนในกรณีที่เราเป็นฝ่ายผิดเพราะบริษัทที่รับประกันภัยจะเข้ามาช่วยจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามที่กรมธรรม์ประกันภัยกำหนดไว้

 

รถประเภทใดบ้างที่ต้องทำประกันภัย พ.ร.บ. ?

คำตอบ : ตามกฎหมายกำหนดให้ รถทุกชนิดทุกประเภ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ กฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก กฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทหาร เป็นรถที่เจ้าของมีไว้ใช้ ไม่ว่ารถดังกล่าวจะเดินด้วยกำลังเครื่องยนต์ กำลังไฟฟ้า หรือพลังงานอื่น เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถสามล้อเครื่อง รถยนต์โดยสาร รถบรรทุก หัวรถลากจูง รถพ่วง รถบดถนน รถอีแต๋น ฯลฯ ดังนั้น จึงเป็นคนละกรณีกับการที่แม้ว่าจะมีรถบางประเภทที่กรมการขนส่งทางบกไม่รับจดทะเบียน แต่หากเข้าข่ายว่ารถนั้นเดินด้วยกำลังเครื่องยนต์ กำลังไฟฟ้า หรือพลังงานอื่นแล้วก็เข้าข่ายเป็นรถที่ต้องทำประกันภัยตามกฎหมาย เช่น รถที่มีการดัดแปลงเปลี่ยนเครื่องยนต์ไม่ถูกต้องขนส่งจึงไม่ต่อทะเบียนให้ แต่ก็ต้องทำประกันภาคบังคับเช่นกัน

 

มีรถที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องทำประกันภัย พ.ร.บ. หรือไม่ ?

คำตอบ : รถต่อไปนี้ได้รับยกเว้นไม่ต้องทำประกันภัย พ.ร.บ ประกอบด้วย รถสำหรับเฉพาะองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท และรถสำหรับผู้สำเร็จราชการ แทนพระองค์ รถของสำนักพระราชวังที่จดทะเบียน และมีเครื่องหมายตามระเบียบที่เลขาธิการพระราชวังกำหนด รถของกระทรวง ทบวงกรม เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด สุขาภิบาล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และส่วนราชการท้องถิ่นที่เรียกชื่ออย่างอื่น และรถยนต์ทหารตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทหาร รถของหน่วยงานธุรการขององค์กรที่จัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานธุรการที่เป็นอิสระขององค์กรใดๆ ที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ

 

ใครมีหน้าที่ต้องทำประกันภัย พ.ร.บ. ?

คำตอบ : ผู้มีหน้าที่ต้องทำประกันภัยรถ ได้แก่  เจ้าของรถ ผู้ครอบครองรถในฐานะผู้เช่าซื้อรถ และผู้นำรถที่จดทะเบียนในต่างประเทศเข้ามาใช้ในประเทศ

 

หากไม่ทำประกันภัย พ.ร.บ. มีโทษตามกฎหมาย ?

คำตอบ : หากฝ่าฝืนไม่จัดให้มีประกันภัย พ.ร.บ. ตามที่กฎหมายกำหนด จะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาท)

 

ประกันภัย พ.ร.บ. คุ้มครองใครบ้าง ?

คำตอบ : คุ้มครอง “ผู้ประสบภัย หมายถึง ประชาชนทุกคนที่ประสบภัยจากรถ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร คนเดินเท้า หากได้รับความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย อนามัย อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากรถก็จะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. นี้

 

ซื้อประกัน พ.ร.บ. ได้ที่ไหน ?

คำตอบ : เราสามารถซื้อประกัน พ.ร.บ.ได้จากบริษัทประกันวินาศภัยที่รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจประกันภัยรถ รวมถึงสาขาของบริษัทนั้นๆ นอกจากนี้ยังมีบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ที่รับประกันภัยเฉพาะรถจักรยานยนต์ ซึ่งมีสาขาให้บริการอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ หากบริษัทใดฝ่าฝืนไม่รับประกัน พ.ร.บ.ตามที่กฎหมายกำหนดต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงสองแสนห้าหมื่นบาท

 

 

อัตราเบี้ยประกันภัย พ.ร.บ. แพงไหม ?

คำตอบ : อัตราเบี้ยประกันเป็นอัตราคงที่และเป็นอัตราเดียวแยกตามประเภทรถ และลักษณะการใช้รถ บริษัทประกันภัยจะไม่สามารถคิดเบี้ยประกันภัยต่างไปจากที่กฎหมายกำหนดได้ ซึ่งปัจจุบันอัตราเบี้ยประกันภัย พ.ร.บ. เป็นไปตามคำสั่งนายทะเบียน ที่ 1/2551 เรื่อง การกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันภัยรถยนต์ ตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 ดังนี้

อัตราเบี้ยประกันภัยคงที่ (ไม่รวมภาษีอากร)

สำหรับการประกันภัยรถตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535

 

1.รถที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังเครื่องยนต์

 

ลำดับ

ประเภทรถและขนาดเครื่องยนต์

การใช้รถยนต์

ส่วนบุคคล

(บาท/ปี)

รับจ้าง/ให้เช่า/สาธารณะ

(บาท/ปี)

1.

รถจักรยานยนต์

 

 

 

1.1 ไม่เกิน 75 ซี.ซี.

150

150

 

1.2 เกิน 75 ซี.ซี. ไม่เกิน 125 ซี.ซี.

300

350

 

1.3 เกิน 125 ซี.ซี. ไม่เกิน 150 ซี.ซี.

400

400

 

1.4 เกิน 150 ซี.ซี.

600

600

2.

รถสามล้อเครื่อง

 

 

 

2.1 ในเขต กทม.

720

1,440

 

2.2 นอกเขต กทม.

400

400

3.

รถสกายแลป

400

400

4.

รถยนต์นั่งไม่เกิน 7 คน

600

1,900

5.

รถยนต์โดยสารเกิน 7 คน ขนาดที่นั่ง

 

 

 

5.1 ไม่เกิน 15 ที่นั่ง

1,100

2,320

 

5.2 เกิน 15 ที่นั่ง ไม่เกิน 20 ที่นั่ง

2,050

3,480

 

5.3 เกิน 20 ที่นั่ง ไม่เกิน 40 ที่นั่ง

3,200

6,660

 

5.4 เกิน 40 ที่นั่ง

3,740

7,520

 

รถยนต์โดยสารหมวด 4 (วิ่งระหว่างอำเภอกับอำเภอในจังหวัด)

 

 

 

5.5 ไม่เกิน 15 ที่นั่ง

-

1,580

 

5.6 เกิน 15 ที่นั่ง ไม่เกิน 20 ที่นั่ง

-

2,260

 

5.7 เกิน 20 ที่นั่ง ไม่เกิน 40 ที่นั่ง

-

3,810

 

5.8 เกิน 40 ที่นั่ง

-

4,630

6.

รถยนต์บรรทุก

 

 

 

6.1 น้ำหนัก ไม่เกิน 3 ตัน

900

1,760

 

6.2 น้ำหนัก เกิน 3 ตัน ไม่เกิน 6 ตัน

1,220

1,830

 

6.3 น้ำหนัก เกิน 6 ตัน ไม่เกิน 12 ตัน

1,310

1,980

 

6.4 น้ำหนัก เกิน 12 ตัน

1,700

2,530

7.

รถยนต์บรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง แก๊ส หรือกรดขนานน้ำหนักรวม

 

 

 

7.1 ไม่เกิน 12 ตัน

1,680

1,980

 

7.2 เกิน 12 ตัน

2,320

3,060

8.

หัวรถลากจูง

2,370

3,160

9.

รถพ่วง

600

600

10.

รถยนต์ป้ายแดง(การค้ารถยนต์)

 

 

11.

รถยนต์ที่ใช้ในการเกษตร

 

 

12.

รถยนต์ประเภทอื่นๆ

 

 

 

2.รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า

ลำดับ

ประเภทรถและขนาดเครื่องยนต์

การใช้รถยนต์

ส่วนบุคคล

(บาท/ปี)

รับจ้าง/ให้เช่า/สาธารณะ

(บาท/ปี)

1.

รถจักรยานยนต์

300

350

2.

รถสามล้อ

500

1,440

3.

รถยนต์นั่งไม่เกิน 7 คน

600

1,900

 

หมายเหตุ :

1. รถที่จดทะเบียนในต่างประเทศและนำเข้ามาใช้ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว อัตราเบี้ยประกันภัยให้ใช้อัตราเบี้ยประกันภัยระยะสั้น หรือไม่เต็มปีตามพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ พ.ศ. 2548

2. ให้นำอัตราเบี้ยประกันภัยรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลแยกตาม ซี. ซี. มาใช้กับรถจักรยานยนต์สามล้อดัดแปลงสำหรับคนพิการโดยอนุโลม