“อาหารแปรรูปขั้นสูง: ความสะดวกของยุคใหม่กับความท้าทายด้านสุขภาพ


“อาหารแปรรูปขั้นสูง: ความสะดวกของยุคใหม่กับความท้าทายด้านสุขภาพ
    


          ในยุคที่ความรวดเร็วและความสะดวกสบายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต อาหารสำเร็จรูปได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นกาแฟพร้อมดื่ม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มันฝรั่งทอด หรือขนมขบเคี้ยว อาหารเหล่านี้ตอบโจทย์ทั้งเรื่องเวลาและรสชาติที่คุ้นเคย และส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่ม “อาหารแปรรูปขั้นสูง” (Ultra-Processed Food: UPF) ซึ่งผ่านกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมหลายขั้นตอน เพื่อให้เก็บรักษาได้นาน สะดวกต่อการบริโภค และมีรสชาติสม่ำเสมอ

          อย่างไรก็ตาม การบริโภคอาหารประเภทนี้ในปริมาณมากและต่อเนื่องอาจทำให้ร่างกายได้รับพลังงานสูงเกินความต้องการ และได้รับสารอาหารจำเป็นไม่เพียงพอ ซึ่งในระยะยาวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะโภชนาการเกินและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคไต ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ปี 2567 ระบุว่า คนไทยเกือบครึ่งประเทศมีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน ขณะเดียวกันจำนวนผู้ป่วยเบาหวานและโรคไตเรื้อรังก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

          แนวโน้มนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการบริโภคในยุคใหม่ ที่อาหารซึ่งเคยปรุงสดในครัวเรือนถูกแทนที่ด้วยอาหารพร้อมรับประทานจากร้านสะดวกซื้อหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ แม้จะตอบโจทย์วิถีชีวิตสมัยใหม่ แต่ก็ทำให้ “อาหารแปรรูปขั้นสูง” กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินของคนไทยโดยไม่รู้ตัว การทำความเข้าใจและเลือกบริโภคอย่างเหมาะสมจึงเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาสมดุลระหว่างความสะดวกกับสุขภาพ

Ultra-Processed Food คืออะไร

คำว่า “Ultra-processed food” (UPF) มาจากระบบการจำแนกอาหารที่เรียกว่า NOVA classification ซึ่งพัฒนาโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซาเปาโล ประเทศบราซิล โดยแบ่งอาหารออกเป็น 4 กลุ่มหลักตามระดับการแปรรูป ได้แก่

  1. อาหารไม่แปรรูปหรือแปรรูปน้อย (Unprocessed or minimally processed)
    เช่น ผัก ผลไม้สด เนื้อสด นม ไข่ ข้าวกล้อง ธัญพืชไม่ขัดสี เป็นอาหารที่ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด
  2. ส่วนผสมปรุงอาหาร (Processed culinary ingredients)
    เช่น น้ำมัน น้ำตาล เกลือ แป้ง มันเนย ซึ่งมักได้จากการสกัดหรือกลั่นจากอาหารธรรมชาติ ใช้เพื่อปรุงแต่งรสชาติและเนื้อสัมผัสในกระบวนการทำอาหาร
  3. อาหารแปรรูป (Processed foods)
    คืออาหารที่ผสมระหว่างวัตถุดิบธรรมชาติกับส่วนผสมปรุง เช่น ผักดอง ปลาทูเค็ม ขนมปัง เนยแข็ง หรืออาหารที่ผสมระหว่างวัตถุดิบธรรมชาติกับส่วนผสมปรุงรส เพื่อช่วยถนอมอาหารและเพิ่มความอร่อย
  4. อาหารแปรรูปขั้นสูง (Ultra-processed foods)
    คืออาหารที่ผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรมหลายขั้นตอน เพื่อเพิ่มความคงตัว ยืดอายุการเก็บรักษา และให้รสชาติคงที่ เช่น การอบแห้ง พ่นฝอย รีดเย็น หรืออัดแท่ง อาหารในกลุ่มนี้มักมีการใช้ส่วนผสมที่สกัดจากอาหาร เช่น น้ำตาลกลูโคสไซรัป โปรตีนสกัด หรือไขมันแปรรูป และอาจมีการเติมสารแต่งกลิ่น สี หรือสารกันเสีย เพื่อปรับคุณภาพให้เหมาะกับผู้บริโภคและการขนส่งในเชิงพาณิชย์

 

          ในมุมของเทคโนโลยีอาหาร อาหารแปรรูปขั้นสูงถือเป็นผลลัพธ์ของความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ยืดอายุผลิตภัณฑ์ และลดการสูญเสียทางอาหาร ซึ่งมีประโยชน์ต่อทั้งผู้บริโภคและระบบอาหารโลก อย่างไรก็ตามการบริโภคอาหารกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่องโดยไม่คำนึงถึงปริมาณหรือสมดุลทางโภชนาการ อาจทำให้ร่างกายได้รับพลังงานเกินและสารอาหารจำเป็นไม่เพียงพอ

          ดังนั้น การเข้าใจระดับของการแปรรูปอาหารจึงไม่ใช่เพื่อหลีกเลี่ยงอาหารกลุ่มใดโดยสิ้นเชิง แต่เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกอาหารได้อย่างเหมาะสม รู้เท่าทันกระบวนการผลิต และบริโภคในสัดส่วนที่สมดุล เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว

 


ตัวอย่างอาหารแปรรูปขั้นสูงในชีวิตประจำวันของคนไทย

หมวด

ตัวอย่าง

ลักษณะเด่น

ของว่างและขนม

มันฝรั่งทอดกรอบ, ข้าวเกรียบปรุงรส, คุกกี้, เวเฟอร์, เค้กสำเร็จรูป, ขนมอบกรอบ

มีน้ำมันและเกลือสูง ใช้ผงปรุงรสและสารแต่งกลิ่น

อาหารจานหลักพร้อมทาน

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, ข้าวกล่องแช่แข็ง, นักเก็ตไก่, ไก่ทอดกรอบในกล่อง, ไส้กรอก, แฮม, เบคอน

ใช้ไขมันทรานส์ แป้งขัดสี และเกลือปริมาณสูง

เครื่องดื่ม

น้ำอัดลม, เครื่องดื่มชูกำลัง, ชานมไข่มุก, น้ำผลไม้กล่อง, กาแฟเย็นขวด

ปริมาณน้ำตาลสูงมาก และมีสารแต่งกลิ่น/คาเฟอีน

เครื่องปรุงรส

ผงปรุงรส, ซุปก้อน, น้ำจิ้มสำเร็จรูป, ซอสพริก, ซอสมะเขือเทศ, น้ำปลาแต่งรส

ใช้สารกันเสียและผงชูรส

อาหารพื้นบ้านที่ถูกอุตสาหกรรมแปรรูป

น้ำพริกพร้อมปรุง, แคบหมูปรุงรส, ไส้อั่วแช่แข็ง, หมูยอในบรรจุภัณฑ์สูญญากาศ

ดัดแปลงจากอาหารพื้นบ้านให้เก็บได้นาน แต่เพิ่มโซเดียมและผงปรุงรสสูง

 

         

          ในยุคที่ความสะดวกและความรวดเร็วเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน อาหารแปรรูปขั้นสูง เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไส้กรอก ขนมอบกรอบ หรือเครื่องดื่มรสหวาน ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของคนไทย อาหารเหล่านี้ตอบโจทย์ทั้งเวลา รสชาติ และการเข้าถึงที่ง่าย แต่การบริโภคต่อเนื่องในปริมาณมากอาจส่งผลต่อสมดุลทางโภชนาการและสุขภาพในระยะยาว

          งานวิจัยเชิงสังเคราะห์ขนาดใหญ่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร BMJ โดย Lane และคณะ (2024) ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากประชากรกว่า 9.8 ล้านคนทั่วโลก พบว่าการบริโภคอาหารแปรรูปขั้นสูงในปริมาณมากมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวานชนิดที่ 2 และภาวะอ้วน รวมถึงอาจเกี่ยวข้องกับภาวะซึมเศร้าและปัญหาการนอนหลับ ทั้งนี้ผลการศึกษาดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจรูปแบบการบริโภคอาหารมากกว่าการหลีกเลี่ยงอาหารประเภทใดประเภทหนึ่งโดยสิ้นเชิง ในอีกมุมหนึ่ง กระบวนการแปรรูปอาหารถือเป็นส่วนสำคัญของวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีอาหารสมัยใหม่ หลายกระบวนการ เช่น การทำให้ปลอดเชื้อ การทำแห้ง การพ่นฝอย หรือการอัดแท่ง จัดเป็นเทคโนโลยีสำคัญ (Hurdle Technology) ที่ช่วยยืดอายุการเก็บรักษา ลดการสูญเสียอาหาร และเพิ่มความปลอดภัยต่อผู้บริโภค เทคโนโลยีเหล่านี้มีบทบาทอย่างมากต่อการสร้างความมั่นคงทางอาหารและช่วยให้ประชากรโลกเข้าถึงอาหารได้อย่างต่อเนื่องและปลอดภัย




         

          นักโภชนาการจึงแนะนำให้บริโภคอาหารแปรรูปอย่างรู้เท่าทัน โดยอ่านฉลากโภชนาการก่อนเลือกซื้อ หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจำนวนมากหรือชื่อสารเคมีที่ไม่คุ้นเคย และให้ความสำคัญกับการบริโภคอาหารสดหรืออาหารพื้นบ้านเมื่อทำได้ นอกจากนี้ การสนับสนุนผลิตภัณฑ์จากเกษตรอินทรีย์และวิสาหกิจชุมชน เช่น ผงปรุงรสจากพืชพื้นบ้าน หรือข้าวกล้องอบกรอบที่ไม่เติมน้ำตาลยังช่วยส่งเสริมสุขภาพควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและความยั่งยืนของระบบอาหาร แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 2 (ขจัดความหิวโหยและส่งเสริมโภชนาการที่ดี), SDG 3 (สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี), SDG 12 (การผลิตและบริโภคอย่างยั่งยืน), SDG 13 (การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) และ SDG 10 (ลดความเหลื่อมล้ำ) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า “อาหาร” ไม่ได้เป็นเพียงปัจจัยทางชีวภาพ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของความยั่งยืนทางสังคมและสิ่งแวดล้อม

         โดยสรุป “อาหารแปรรูปขั้นสูง” คือผลลัพธ์ของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอาหารที่ช่วยเพิ่มความสะดวก ความปลอดภัย และคุณภาพการเก็บรักษา ขณะเดียวกันก็เป็นความท้าทายใหม่ในการบริโภคอย่างสมดุลและรับผิดชอบ การสร้างสมดุลระหว่าง “ความสะดวก” กับ “สุขภาพที่ยั่งยืน” คือสิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคยุคใหม่ควรตระหนักและปฏิบัติอย่างมีสติ

          “อาหารที่ดี” ไม่จำเป็นต้องปลอดจากการแปรรูปทั้งหมด แต่อยู่ที่การรู้เท่าทัน เลือกอย่างเหมาะสม และบริโภคอย่างสมดุล เพื่อสุขภาพของเราและความยั่งยืนของโลกไปพร้อมกัน

 

แหล่งอ้างอิง:

1. Lane, M. M., Davis, J. A., Beattie, S., Jones, A., Philipou, A., Woods, J. L., et al. (2024). Ultra-processed food exposure and adverse health outcomes: Umbrella review of epidemiological meta-analyses. BMJ (Clinical Research Edition), 384, e077310. https://doi.org/10.1136/bmj-2023-077310

2. Thai Health Promotion Foundation (ThaiHealth). (2025). NCDs on the rise: Over half of Thais are overweight. Retrieved October 14, 2025, from https://www.thaihealth.or.th

เรียบเรียงโดย ดร.วิทวัส สัจจาพงศ์

หลักสูตรโภชนาการและการกำหนดอาหาร

คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยพะเยา


 


facebooktwitterline

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ภาพ :      
ข้อมูล/ข่าว :      
เพิ่มข่าวโดย :   tidaduen.ut@up.ac.th   
10/11/2568 13:36 น. (2 วันที่แล้ว)

สถิติการอ่านข่าวนี้
วันนี้: 38 ครั้ง | เมื่อวาน: 50 ครั้ง | เดือนนี้: 114 ครั้ง | ปีนี้: 114 ครั้ง | รวม: 114 ครั้ง