กฎหมายพิเศษว่าด้วยการป้องกันความสูญเสียที่เกิดจากการฉ้อโกงทางการเงินที่ใช้วิธีการทางโทรคมนาคมและการคืนเงินสำหรับความสูญเสียของสาธารณรัฐเกาหลีใต้


กฎหมายพิเศษว่าด้วยการป้องกันความสูญเสียที่เกิดจากการฉ้อโกงทางการเงินที่ใช้วิธีการทางโทรคมนาคมและการคืนเงินสำหรับความสูญเสียของสาธารณรัฐเกาหลีใต้
    

กฎหมายพิเศษว่าด้วยการป้องกันความสูญเสียที่เกิดจากการฉ้อโกงทางการเงิน

ที่ใช้วิธีการทางโทรคมนาคมและการคืนเงินสำหรับความสูญเสียของสาธารณรัฐเกาหลีใต้

 

เกศยาพร ด่านกระโทก และคณะ

นิสิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา

 

อาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในปัจจุบันก่อให้เกิดความเสียหายและส่งผลกระทบต่อหลายๆประเทศ ในประเทศเกาหลีใต้มีกฎหมายที่ใช้เป็นมาตรการในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีดังกล่าวหรือการฉ้อโกงทางการเงินผ่านระบบโทรคมนาคม คือ กฎหมายพิเศษว่าด้วยการป้องกันความสูญเสียที่เกิดจากการฉ้อโกงทางการเงินที่ใช้โทรคมนาคมและการคืนเงินสำหรับความสูญเสีย (Special Act on the Prevention of Loss Caused by Telecommunications-Based Financial Fraud and Refund for Loss) [1] โดยรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ได้มีการกำหนดมาตรการดังกล่าวเพื่อป้องกันความเสียหาย และกำหนดความรับผิดชอบของสถาบันการเงินในการป้องกันความเสียหาย รวมถึงกระบวนการชดเชยความเสียหาย เป็นต้น ซึ่งเหตุผลหลักในการกำหนดมาตรการเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากอาชญากรรมดังกล่าว โดยมีสาระสำคัญดังต่อไปนี้

 

1. วัตถุประสงค์

     วัตถุประสงค์ของกฎหมายนี้ คือการกำหนดมาตรการของรัฐบาลเพื่อป้องกันความเสียหาย และกำหนดความรับผิดชอบของสถาบันการเงินในการป้องกันความเสียหาย อันเป็นความพยายามในการป้องกันการฉ้อโกงทางการเงินที่กระทำผ่านระบบโทรคมนาคม รวมถึงกำหนดกระบวนการเกี่ยวกับการระงับสิทธิเรียกร้องในบัญชีที่ถูกนำไปใช้ในการฉ้อโกง กระบวนการชดเชยความเสียหาย ฯลฯ เพื่อชดเชยความเสียหายแก่ผู้เสียหายจากการฉ้อโกงทางการเงินผ่านระบบโทรคมนาคม ทั้งนี้เพื่อมีส่วนช่วยในการป้องกันการฉ้อโกงทางการเงินผ่านระบบโทรคมนาคม และเพื่อให้มีการฟื้นฟูทรัพย์สินของผู้เสียหายอย่างรวดเร็ว

    มีจุดประสงค์เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงทางการเงินทางโทรคมนาคม โดยการกำหนดมาตรการการทำงานของภาครัฐและสถาบันการเงินอย่างชัดเจนในการรับผิดชอบ ป้องกันความสูญเสีย การจัดการตามขั้นตอนอย่างเป็นระบบสำหรับการชดเชยเยียวยาผู้เสียหาย รวมถึงการกู้คืนทรัพย์สินได้อย่างรวดเร็ว เพื่อลดความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการฉ้อโกงทางการเงินทางโทรคมนาคมได้อย่างทันท่วงที


อ้างอิง

[1] Special Act on the Prevention of Loss Caused by Telecommunications-Based Financial Fraud and Refund for Loss, Ê׺¤é¹Çѹ·Õè 14 ¡Ñ¹ÂÒ¹ 2568, https://elaw.klri.re.kr/kor_service/lawViewContent.do?hseq=39681&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR63XsqAu9DYzccOZaGyk00i-O_isBz5e-XViKcRCHmf3nir3oPSNAapqyxsEA_aem_rk4gVieiPwulHELMgfLodA.

2. การระงับการให้บริการการทำธุรกรรม

  กฎหมายพิเศษว่าด้วยการป้องกันความสูญเสียที่เกิดจากการฉ้อโกงทางการเงินที่ใช้โทรคมนาคมและการคืนเงินสำหรับความสูญเสีย มาตรา 4 ว่าด้วยการระงับการชำระเงิน บัญญัติว่า “ในกรณีดังต่อไปนี้ หากสถาบันการเงินสงสัยว่าบัญชีกำลังถูกนำไปใช้ในเพื่อการฉ้อโกงทางการเงินผ่านโทรคมนาคม โดยอาศัยการตรวจสอบรายละเอียดของธุรกรรม ฯลฯ ให้สถาบันการเงินดำเนินมาตรการระงับการชำระเงินในบัญชีที่ถูกนำไปใช้ในการฉ้อโกงนั้นทันที”[1]

มาตรา 4 นี้เป็นหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการระงับการชำระเงิน ในกรณีที่สถาบันการเงินสงสัยว่าบัญชีถูกใช้ประโยชน์จากการฉ้อโกงทางการเงินผ่านโทรคมนาคม โดยการยืนยันรายละเอียดของธุรกรรม ซึ่งบริษัทการเงินจะใช้มาตรการตามหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้นทันที เพื่อระงับการชำระเงินในบัญชีที่ถูกใช้ประโยชน์จากการฉ้อโกง

2.1 กรณีที่มีการระงับการให้บริการการทำธุรกรรมทางการเงินตามกฎหมายพิเศษว่าด้วยการป้องกันความสูญเสียที่เกิดจากการฉ้อโกงทางการเงินที่ใช้โทรคมนาคมและการคืนเงินสำหรับความสูญเสีย

(1) กรณีมีการยื่นคำขอชดเชยความเสียหายตามมาตรา 3 วรรค 1 หรือมีการร้องขอให้ระงับการชำระเงิน ตามมาตรา 3 วรรค 2

  ในกรณีที่มีคําขอชดเชยการสูญเสียตามมาตรา 3 (1) คือ การยื่นคำร้องสําหรับการเยียวยาในความเสียหายกรณีที่เหยื่ออาจยื่นขอแก้ไขความเสียหายที่เกิดจากการฉ้อโกงทางการเงินที่ใช้โทรคมนาคม เช่น การระงับการชําระเงินจากบัญชีที่ใช้ประโยชน์จากการฉ้อโกง ให้กับบริษัทการเงินที่จัดการบัญชีที่จํานวนความเสียหายถูกส่งหรือโอน หรือบริษัททางการเงินที่จัดการบัญชีที่ใช้ประโยชน์จากการฉ้อโกง หรือคําขอระงับการชําระเงินตามมาตรา 3 (2) คือในกรณีที่จํานวนความเสียหายถูกส่งหรือโอนไปยังบัญชีที่ใช้ประโยชน์จากการฉ้อโกงของบริษัททางการเงินอื่น บริษัททางการเงินที่ได้รับใบสมัครสําหรับการแก้ไขความเสียหายตามมาตรา 3 วรรค (1) จะต้องให้ข้อมูลที่จําเป็นแก่บริษัททางการเงินที่เกี่ยวข้องและขอให้ระงับการชําระเงิน

(2) กรณีหน่วยงานสืบสวนหรือสำนักงานกำกับดูแลการเงิน ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการบริการทางการเงิน ฯลฯ ได้แจ้งข้อมูลแก่สถาบันการเงินว่าบัญชีต้องสงสัยว่าอาจถูกนำไปใช้ในการฉ้อโกง

ในที่นี้ สำนักงานกำกับดูแลการเงินเป็นหน่วยงานกำกับดูแลที่จัดตั้งขึ้นภายใต้คณะกรรมการบริการทางการเงิน ทำหน้าที่คล้ายกับธนาคารแห่งประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกันภัย โดยสำนักงานกำกับดูแลการเงินมีหน้าที่ดังนี้ ได้แก่

1. กำกับดูแลและตรวจสอบสถาบันการเงิน

2. บังคับใช้กฎหมายการเงิน และตรวจสอบความโปร่งใสในการดำเนินงาน

3. คุ้มครองผู้บริโภคทางการเงิน เช่น การชดเชย

4. ป้องกันและจัดการปัญหาการฉ้อโกงทางการเงิน

5. ติดตามความมั่นคงของระบบการเงิน และช่วยจัดการกรณีวิกฤตทางการเงิน

(3) กรณีบัญชีถูกสันนิษฐานว่าอาจถูกนำไปใช้ในการฉ้อโกง ภายหลังจากที่ได้มีการระบุให้บัญชีนั้นเป็นบัญชีธุรกรรมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามข้อ 2-5 วรรค 2

       (4) กรณีอื่น ๆ ที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา

2.2 ขั้นตอนการระงับการทำธุรกรรมทางการเงิน

เมื่อสถาบันการเงินได้ดำเนินมาตรการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินในบัญชีที่ถูกนำไปใช้ในการฉ้อโกงตามมาตรการแล้วนั้น จะต้องแจ้งการดำเนินการดังกล่าวให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้

  1. เจ้าของบัญชีที่ถูกใช้ในการฉ้อโกงและถูกระงับการชำระเงินหรือธุรกรรมทางการเงิน แต่ถ้าสถาบันการเงินไม่ทราบที่อยู่ของเจ้าของบัญชีดังกล่าว ให้ประกาศข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการระงับการชำระเงินไว้ในเว็บไซต์ทางการหรือช่องทางอื่น
  2. ผู้เสียหายซึ่งได้ยื่นคำขอชดเชยความเสียหาย
  3. สถาบันการเงินที่เป็นผู้ดูแลบัญชีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีการโอนหรือฝากเงินโดยตรงเข้าไป
  4.  สำนักงานกำกับดูแลการเงิน
  5.  หน่วยงานสืบสวน ทั้งนี้ จำกัดเฉพาะกรณีที่มีการให้ข้อมูล

ในกรณีที่เกิดความเสียหายเนื่องจากสถาบันการเงินไม่ดำเนินการระงับการชำระเงินหรือการทำธุรกรรมตามที่กฎหมายกำหนด สถาบันการเงินนั้นต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าว โดยมาตรการจำเป็นเกี่ยวกับกระบวนการและการแจ้งการระงับการชำระเงินจะอยู่พระราชกฤษฎีกาที่กำหนดเพิ่มเติม

      2.3 การห้ามดำเนินการเกี่ยวกับบัญชีต้องสงสัยที่ถูกระงับการชำระเงินหรือธุรกรรม

        กฎหมายพิเศษว่าด้วยการป้องกันความสูญเสียที่เกิดจากการฉ้อโกงทางการเงินที่ใช้โทรคมนาคมและการคืนเงินสำหรับความสูญเสีย มาตรา 4 บัญญัติเกี่ยวกับการการห้ามดำเนินการเกี่ยวกับบัญชีต้องสงสัยที่ถูกระงับการชำระเงินหรือธุรกรรมว่า  

“ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการใด ๆ ตามข้อดังต่อไปนี้ เกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องทั้งหมดหรือบางส่วนในบัญชีที่ถูกนำไปใช้ในการฉ้อโกง ซึ่งได้มีการระงับการชำระเงินตามข้อ 4 ทั้งนี้ ไม่ใช้บังคับในกรณีที่การระงับการชำระเงินสิ้นสุดลงแล้ว

  1. การฟ้องคดี เช่นคดีเรียกค่าเสียหายหรือคดี ขอคืนผลประโยชน์โดยไม่
  2. การร้องขอให้มีการยึดทรัพย์การยึดทรัพย์ชั่วคราว หรือการกำหนดมาตรการชั่วคราว ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดีแพ่ง
  3. เริ่มต้นกระบวนการเรียกเก็บภาษีค้างชำระตามพระราชบัญญัติการจัด เก็บภาษีแห่งชาติ
  4. การจัดตั้งสิทธิ์จำนำ [2]

เป็นการป้องกันไม่ให้มีการดำเนินการทางกฎหมายกับบัญชีธนาคารที่ถูกระงับเป็นการชั่วคราว เนื่องจากเป็นบัญชีที่ถูกใช้ประโยชน์ในการฉ้อโกงทางการเงินทางโทรคมนาคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาทรัพย์สินในบัญชีนั้นไว้ไม่ให้ถูกยักย้ายหรือถูกอายัดโดยบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้เสียหายที่แท้จริง เพื่อไม่ให้ถูกบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้เสียหายที่แท้จริงนำไปใช้ประโยชน์ในระหว่างที่รอการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย และข้อห้ามนี้จะสิ้นสุดลงทันทีที่คำสั่งระงับการชำระเงินถูกยกเลิกแล้ว

 

3. การคืนเงินเพื่อการเยียวยาความเสียหาย

        การคืนเงินเพื่อการเยียวยาความเสียหายอยู่ใน มาตรา 10 ของกฎหมายพิเศษว่าด้วยการป้องกันความสูญเสียที่เกิดจากการฉ้อโกงทางการเงินที่ใช้โทรคมนาคมและการคืนเงินสำหรับความสูญเสีย

สำนักงานกำกับดูแลการเงินต้องกำหนดบุคคลผู้มีสิทธิได้รับเงินคืนเพื่อการเยียวยาความเสียหายและจำนวนเงินนั้นภายใน 14 วันนับแต่วันที่มีสิทธิเรียกร้องและได้การทำธุรกรรมต้องสงสัยถูกระงับ โดยต้องแจ้งรายละเอียดแก่ผู้เสียหายซึ่งได้ยื่นคำร้องขอเยียวยาความเสียหายและสถาบันการเงิน ทั้งนี้ สถาบันการเงินซึ่งได้รับแจ้งรายละเอียดต้องชำระเงินคืนเพื่อการเยียวยาความเสียหายแก่ผู้เสียหายโดยไม่ชักช้า[3]

ในกรณีที่จำนวนความเสียหายเกินกว่าจำนวนเงินในธุรกรรมที่มีการยื่นขอให้ระงับ การคำนวณเงินเยียวยาจะคำนวณตามสัดส่วนของความเสียหายตามที่กฎหมายกำหนด

ตามหลักมาตรา 11 ผู้เสียหายจากการฉ้อโกงทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสื่อสารโทรคมนาคมมีสิทธิได้รับการชดเชยเต็มจำนวน เว้นแต่ในกรณีที่เป็นมีส่วนร่วมในการฉ้อโกงทางการผ่านระบบโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้องในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด หรือเป็นผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย ผู้ร่วมกระทำความผิด หรือตัวการที่เป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายในการฉ้อโกงดังกล่าวด้วย[4]

     เมื่อผู้เสียหายได้รับเงินคืนเพื่อการเยียวยาความเสียหายจากสถาบันการเงินแล้ว ก็จะไม่สามารถใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดจากการฉ้อโกงทางการเงินผ่านระบบโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้อง และสิทธิเรียกร้องอื่น ๆ ภายในขอบเขตจำนวนเงินที่ผู้เสียหายได้รับการชำระคืนแล้ว

 

4. บทลงโทษ

     กฎหมายพิเศษว่าด้วยการป้องกันความสูญเสียที่เกิดจากการฉ้อโกงทางการเงินที่ใช้โทรคมนาคมและการคืนเงินสำหรับความสูญเสียมีการกำหนดบทลงโทษสำหรับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงทางการเงินที่ใช้โทรคมนาคมเอาไว้หลายกรณีในมาตรา 15-2 เช่น ความผิดฐานฉ้อโกงทางการเงินผ่านระบบโทรคมนาคม ความผิดฐานหลอกล่อให้บุคคลอื่นทำการนำเข้าข้อมูลหรือคำสั่งที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ที่สามารถใช้ประมวลผลได้ ความผิดฐานนำเข้าข้อมูลหรือคำสั่งสู่คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ประมวลผลข้อมูลอื่นๆ โดยใช้ข้อมูลของบุคคลอื่นที่ตนได้มาไม่ว่าโดยทุจริตหรือสุจริต และมีการเพิ่มโทษสำหรับการกระทำผิดซ้ำสูงสุดไม่เกิน 1 ใน 2 ของอัตราโทษในความผิดฐานดังกล่าว

 

5. บทสรุป

กฎหมายพิเศษเกี่ยวกับการป้องกันความสูญเสียที่เกิดจากการฉ้อโกงทางการเงินที่ใช้โทรคมนาคมและการคืนเงินสำหรับการสูญเสียของสาธารณรัฐเกาหลีใต้ เป็นกฎหมายที่กำหนดขึ้นเพื่อการป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงทางการเงินที่ใช้โทรคมนาคมโดยเฉพาะ รวมถึงการคืนเงินให้กับผู้เสียหายตามสิทธิ์และจำนวนตามความเสียหายนั้นๆ โดยได้มีการร่วมมือระหว่างองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนภายในประเทศ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อประสิทธิภาพการปราบกรามอาชญากรรมการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีการกำหนดโทษของการกระทำผิดดังกล่าวโดยเฉพาะอีกด้วย

อ้างอิง

[1] Special Act on the Prevention of Loss Caused by Telecommunications-Based Financial Fraud and Refund for Loss, Article 4

[2] Special Act on the Prevention of Loss Caused by Telecommunications-Based Financial Fraud and Refund for Loss, Article 4

[3] Special Act on the Prevention of Loss Caused by Telecommunications-Based Financial Fraud and Refund for Loss, Article 10

[4] Special Act on the Prevention of Loss Caused by Telecommunications-Based Financial Fraud and Refund for Loss, Article 11



หมายเหตุ: บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายงานการวิจัย “การศึกษาเชิงเปรียบเทียบกฎหมายว่าด้วยการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐเกาหลีใต้”  ในรายวิชาระเบียบวิธีวิจัย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ประจำภาคเรียนที่ 1/2568

 

คณะผู้วิจัย: เกศยาพร ด่านกระโทก, ชลธิชา กันนิล, ชลธิชา ดาสา, ธนกาญจน์ อินอุต, บุศรินทร์ รุ่งจรรยากิจ, ปวีณา พลหาญ, พิมพ์ชนก ทำของดี, ภัทรพล เผ่ากันทะ และอาริชา อันโย

 

อาจารย์ที่ปรึกษา: ผศ. กาญจนุรัตน์ ไมรินทร์ และ อ. ปิยอร เปลี่ยนผดุง



facebooktwitterline

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ภาพ :      
ข้อมูล/ข่าว :      
เพิ่มข่าวโดย :   krittabhorn.ju@up.ac.th   
06/11/2568 14:43 น. (3 วันที่แล้ว)

สถิติการอ่านข่าวนี้
วันนี้: 2 ครั้ง | เมื่อวาน: 1 ครั้ง | เดือนนี้: 36 ครั้ง | ปีนี้: 36 ครั้ง | รวม: 36 ครั้ง