"Collaborative MOU Inked to Advance Coffee Farming"
School of Agriculture and Natural Resources, University of Phayao Joins MOU to Drive Quality Coffee Production and Sustainable Supply Chain Development
On June 18, 2025, School of Agriculture and Natural Resources, University of Phayao, led by Asst. Prof. Dr. Wipornpan Nuangmek (Dean), Dr. Boonruam Khidkha, and Asst. Prof. Dr. Pawinee Janwijit, participated in the signing of a Memorandum of Understanding (MOU) with over 36 public and private sector agencies. The agreement aims to promote quality coffee production, enhance research and innovation, and develop a sustainable coffee supply chain. The initiative sets a target of supporting over 12,000 farming households within three years, starting with a pilot area of 1,000 rai. A joint working group will be established to oversee implementation, with a focus on international competitiveness, transparent markets, research advancement, and environmental sustainability.
--------------------------
“คณะเกษตรศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลับพะเยา ร่วมลงนาม MOU ขับเคลื่อนกาแฟคุณภาพ พัฒนาตลอดห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน”

วันที่ 18 มิถุนายน 2568 ผศ.ดร.วิพรพรรณ์ เนื่องเม็ก คณบดีคณะเกษตรศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลับพะเยา พร้อมด้วย ดร.บุญร่วม คิดค้า และ ผศ.ดร.ภาวินี จันทร์วิจิตร เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในการส่งเสริมการผลิตกาแฟคุณภาพ การวิจัย และพัฒนาตลอดห่วงโซ่อุปทานกาแฟอย่างยั่งยืน ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 36 หน่วยงาน ณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร ภายใต้กรอบ MOU จะมีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐและเอกชน เพื่อกำกับติดตามผลการดำเนินงาน พร้อมตั้งเป้าหมายพัฒนาเกษตรกรกว่า 12,000 ครัวเรือน เข้าสู่ระบบกาแฟคุณภาพภายใน 3 ปี โดยนำร่องในพื้นที่ 1,000 ไร่ พร้อมเปิดโอกาสให้เกษตรกรและยุวเกษตรกร เข้าสู่เวทีการแข่งขันในระดับสากล พร้อมส่งเสริมการวิจัย เทคโนโลยี ตลาดที่โปร่งใส และการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

ความร่วมมือครั้งนี้มีสาระสำคัญ ได้แก่ การส่งเสริมการผลิตกาแฟที่มีคุณภาพ การส่งเสริมการวิจัยและใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม การพัฒนาระบบการตลาดที่เป็นธรรม การรับซื้อผลผลิตในราคายุติธรรม ลดการเผาในพื้นที่เกษตร ส่งเสริมการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการเข้าถึงตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการกาแฟไทย ที่จะสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ ที่เกษตรกรรายย่อยโดยเฉพาะในพื้นที่สูงจะสามารถเข้าถึงโอกาส เข้าถึงตลาด และเป็นเจ้าของอนาคตของตนเองได้อย่างแท้จริง ซึ่งการลงนาม MOU ในวันนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างอนาคต ตลอดจนห่วงโซ่อุปทานอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งจากการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่ผ่านมาของกระทรวงเกษตรฯ ที่ได้ประกาศให้กาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญและเป็นเกษตรมูลค่าสูง ที่จะช่วยสร้างรายได้และยกระดับให้เกษตรกร ซึ่งเป็นการลดการนำเข้าและทดแทนการปลูกพืชชนิดอื่นที่มีปริมาณมากและผลผลิตล้นตลาด ให้หันมาปลูกปลูกพืชที่มีโอกาสอย่างแท้จริง โดยการปรับเปลี่ยนมาเพาะปลูกพืชที่ตลาดมีความต้องการและสามารถพัฒนาต่อยอดได้

