มหาวิทยาลัยพะเยาจัดกิจกรรม “กว๊านพะเยาสายน้ำแห่งชีวิต ตานข้าวทิพย์พระเจ้าตนหลวง” ประจำปี ๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา รองศาสตราจารย์ ดร.สุภกร พงศบางโพธิ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บุคลากรและนิสิตร่วมแห่ข้าวใหม่ใส่บาตรหลวงร่วมขบวนทางน้ำในกว๊านพะเยา ในโครงการตานข้าวใหม่ใส่บาตรหลวงประจำปี ๒๕๖๔ “กว๊านพะเยาสายน้ำแห่งชีวิต ตานข้าวทิพย์พระเจ้าตนหลวง” จากท่าเรือน้ำวัดติโลกอาราม ไปยังท่าน้ำหลัง อุโบสถกลางน้ำวัดศรีโคมคำ พร้อมมีวงปี่พาทย์พื้นเมือง และการฟ้อนบนเรือ และเคลื่อนขบวนสู่พระวิหารพระเจ้าตนหลวง วัดศรีโคมคำ โดย อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นผู้นำถือพานสักการะ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชามณฑลทหารบกที่ ๓๔ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยพะเยา ผู้แทนชุมชน บุคลากรและนิสิตมหาวิทยาลัยพะเยาโดยบริเวณหน้าพระวิหารได้มีคณะฟ้อนเล็บ จากชุมชนวัดศรีโคมคำฟ้อนรับขบวนแห่ ภายในพิธีถวายข้าวทิพย์พระเจ้าตนหลวง อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยาเป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายซุ้มดอกสักการะ และประเคนบาตรหลวงใส่ข้าวทิพย์ถวายแด่พระเจ้าตนหลวง พร้อมกับถวายปัจจัยและพานข้าวทิพย์แด่พระสงฆ์ หลังจากเสร็จพิธีอธิการบดีมหาลัยพะเยาได้กล่าวให้โอวาทแก่นิสิตและกล่าวขอบคุณผู้ร่วมงานบุญในครั้งนี้
มหาวิทยาลัยพะเยาได้ดำเนินการจัดโครงการตานข้าวใหม่ใส่บาตรหลวงปีนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ ๑๕ โดยในปีนี้ จัดโดย ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมล้านนา (ไต) สถาบันนวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยพะเยา ซึ่งในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก เทศบาลเมืองพะเยา ชุมชน ๑๔ ชุมชนในเขตเทศบาลเมืองพะเยา สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพะเยา สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพะเยาสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพะเยา และวัดศรีโคมคำ โครงการนี้ถือเป็นการนำเอาประเพณีตานข้าวใหม่ที่มีอยู่ในทุกท้องถิ่นภาคเหนือมาเชื่อมโยงกับทรัพยากรสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมสำคัญของจังหวัดพะเยา เพื่อจัดกิจกรรมประเพณีให้มีความโดดเด่นส่งเสริมเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ให้แก่ชุมชนของจังหวัดพะเยา อีกทั้งปลูกฝังค่านิยมสร้างจิตรสำนึกความเป็นไทยความภาคภูมิใจในวิถีชีวิตที่ดีงามของประเพณีและศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่นให้กับนิสิต ตลอดจนเป็นการบูรณาการงานด้านทำนุบำรุงศิลปและวัฒนธรรมกับทุกพันธกิจของมหาวิทยาลัยพะเยา ภายใต้กิจกรรม “กว๊านพะเยาสายน้ำแห่งชีวิต ตานข้าวทิพย์พระเจ้าตนหลวง”